อินไซท์

Scene4 Magazine - Khung Phra Chao Lanna | Janine Yasovant | May 2013  www.scene4.com

จานีน ยโสวันต์

May 2013

ดิฉันรู้สึกดีใจมากและขอกล่าวชมเชยโครงการก่อสร้าง "ข่วงพระเจ้าล้านนา"
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างเป็นวัด ชาวพุทธสามารถเข้ามาเยี่ยมชมและ
สักการะพระพุทธรูปต่างๆ ในพื้นที่แห่งนี้ได้ วันเปิดสถานที่อย่างเป็นทางการคือ
วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมาและในวันเดียวกันนั้นเองสถานที่แห่งนี้ถูก
ส่งมอบให้เป็นสมบัติของชาติ ดิฉันไปที่งานในตอนเย็นวันนั้นเพื่อเก็บภาพงานพิธี
อาจารย์ วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ นักธุรกิจและนักทำนายดวงชะตา เป็นหัวหน้า
โครงการผู้เริ่มคิดจะก่อสร้างและเป็นผู้ดูแลโครงการมาตั้งแต่เริ่มแรก
ใช้เวลาก่อสร้างจนเสร็จสิ้นเป็นเวลา 5 ปี

ในฐานะที่เป็นนักเขียน โดยส่วนตัวแล้วดิฉันรู้สึกชื่นชมความตั้งใจของอาจารย์
วารินทร์ที่ทำอะไรสักอย่างเพื่อประเทศไทย เขาโฆษณาโครงการในสื่อต่างๆ
ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุทำให้คนไทยที่อยู่ในประเทศและต่าง
ประเทศได้ติดตามข่าวเรื่องการก่อสร้างและสนับสนุนโครงการได้ง่าย อาจารย์
วารินทร์ได้เขียนหนังสือภาษาไทยสี่เล่มเกี่ยวกับการทำนายชะตาของประเทศไทย
หนังสือนี้ได้นำเสนอชีวิต การทำงานของอาจารย์วารินทร์และความคิดที่ชัดเจน
ว่าคนไทยควรสามัคคีกันเพื่อสังคมที่ดีกว่า เงินรายได้จากการขายหนังสือเป็น
การสมทบทุนให้กับโครงการนี้อีกด้วย

ข่วงพระเจ้าล้านนาตั้งอยู่ที่ถนนทางเข้าห้วยตึงเฒ่าที่เป็นอ่างเก็บน้ำในจัง
หวัดเชียงใหม่ สถาปนิกที่เป็นผู้ออกแบบสถานที่แห่งนี้คือผู้ช่วยศาสตราจารย์
จุไรพร ตุมพสุวรรณจากคณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา

Overview-model-of-Khung-Phr

ข่วงพระเจ้าล้านนาเป็นโครงการที่ริเริ่มโดยอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ
การก่อสร้างเริ่มต้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 โดยได้รับการสนับสนุน
จากชาวพุทธทั่วโลก สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นที่แห่งเดียว
ในประวัติศาสตร์ไทยที่ไม่ได้ใช้เงินทุนจากรัฐบาลในการก่อสร้าง เป้าหมาย
ของการก่อสร้างคือทำให้ข่วงพระเจ้าล้านนาเป็นสมบัติของชาติ ทำหน้าที่เป็น
ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่งสำหรับชาวพุทธทุกคนและมนุษยชาติและ
ทำเพื่อให้ประเทศจากการหยุดชะงักและความขัดแย้งต่างๆ และยังสร้างความสุข
และความสามัคคีกลมเกลียวกันในประเทศ

The-ceremony-at-the-Phra-Ch

สถานที่แห่งนี้มีแนวคิดการออกแบบสามอย่าง อันดับแรก การออกแบบมา
จากแนวคิดสถาปัตยกรรมล้านนาแบบร่วมสมัย อันดับที่สอง การออกแบบเป็น
งานนิทรรศการเรื่องประวัติของพระพุทธเจ้า แนวคิดแต่ละอย่างแสดงออกมา
ผ่านอาคารสถาปัตยกรรมที่ต่างกันและฉากต่างๆ และอันดับสุดท้าย การออกแบบ
นี้มีรากฐานมาจากความเชื่อล้านนา ธรรมเนียมและประเพณีต่างๆ บริเวณแห่งนี้
เป็นสถานที่ทางพุทธศาสนาซึ่งเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อ
ประโยชน์ของคนรุ่นต่อไปและเป็นการรักษาการดำเนินชีวิตแบบล้านนา

การก่อสร้างเริ่มต้นด้วยการปั้นพระพุทธรูปหน้าตักกว้าง99 นิ้วในปางพิชิต
มาร ประดิษฐานในซุ้มประตูโค้งรูปแบบล้านนา จากนั้นตามด้วยการก่อสร้าง
ศาลาบาตร ศาลาธรรม สระอโนดาต สังเวชนียสถานอันประกอบด้วยศาลา
ประสูติ ศาลาตรัสรู้และศาลาปรินิพพาน

ข่วงพระเจ้าล้านนาก่อสร้างขึ้นในวันที่1 มีนาคม พ.ศ. 2553 องค์พระเจดีย์สูง
29.99 เมตรถูกสร้างขึ้นมีแบบจำลองพระพุทธบาทสี่รอยประดิษฐานด้านใน
พิธีเฉลิมฉลองถูกจัดขึ้นในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

เมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้นลง อาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศและคณะชาวไทยผู้นับ
ถือถือศาสนาพุทธจะทำการส่งมอบสถานที่แห่งนี้ให้เป็นสมบัติของชาติ
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้า
อยุ่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระชนมายุ 84 พรรษา ข่วงพระเจ้าล้านนาเป็นสัญ
ลักษณ์แห่งการจดจำพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า สถานที่แห่งนี้จะ
เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมสำคัญที่สร้างขึ้นมาด้วยความพยายามอันยื่งใหญ่ของ
ชาวพุทธโดยไม่คาดหวังสิ่งใดตอบแทน ภายในบริเวณของข่วงพระเจ้าล้านนา
ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจให้เดินชมดังนี้

1. ลานประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

Ceremonial-Area-cr

เป็นสถานที่สำหรับจัดงานพิธีทางศาสนาพุทธ เช่นการเดินเวียนเทียนรอบวิหาร
พิธีสืบชะตาเมือง การฟังเทศน์ฟังธรรมในวันพระ และต้อนรับบุคคลสำคัญ
บริเวณตรงนี้เป็นประตูทางเข้าข่วงพระเจ้าล้านนา แนวคิดของพื้นที่แห่งนี้
เปรียบเทียบได้กับการเชื้อเชิญแขกเข้ามาในบ้าน จากตรงนี้ผู้มาเยือนสามารถ
มองเห็นภาพมุมกว้างอันงดงามของยอดดอยสุเทพและป่าไม้รอบข้าง หนึ่ง
ในประเด็นสำคัญของการออกแบบข่วงพระเจ้าล้านนาคือบริเวณที่ยกพื้นสูงขึ้น
เพื่อเป็นที่หมายในการเคารพพระพุทธรูปพระเจ้าล้านนาที่เป็นองค์พระประธาน
ในปางพิชิตมาร พื้นที่ตรงนี้ล้อมรอบไปด้วยกำแพงแก้วที่เป็นที่ล้อมเขตแดนศักดิ์สิทธิ์

2. พระพุทธรูปพระเจ้าล้านนา

Phra-Chao-Lanna-Image-cr

เป็นพระพุทธรูปองค์ประธานของสถานที่แห่งนี้ พระพุทธรูปสำริดหน้าตักกว้าง 99
 นิ้วปางพิชิตมารตั้งอยู่บนฐานสูงห้าเมตรที่มีซุ้มรูปโค้งแบบล้านนา องค์พระพุทธ
รูปหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้านหลังพระพุทธรูปมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ พื้นที่
ประกอบพีธีตรงด้านหน้าพระพุทธรูปล้อมรอบไปด้วยกำแพงแก้วที่มีพระพุทธรูป
9 องค์ แต่ละองค์เป็นตัวแทนของแต่ละวันในหนึ่งสัปดาห์ พระพุทธรูปขนาดเก้า
นิ้วอยู่ในซุ้มรูปโค้งแบบล้านนาที่มีคำจารึกรายชื่อผู้บริจาคอยู่ที่ฐานพระพุทธรูป
ผู้บริจาคเงินมีความเคารพเลื่อมใสที่จะดูแลรักษาข่วงพระเจ้าล้านนาแม้ว่าตัวจะ
จากไปแล้วเมื่อพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองต่อไปเป็นเวลา 5,000ปีหรือจนกว่า
จะถึงยุคพระศรีอารย์ ในช่วงเวลานี้จะมีผู้บริจาคที่ทำบุญกุศลในการก่อสร้าง
ข่วงพระเจ้าล้านนา ที่ไปจุติในสรวงสวรรค์หลังจากที่ได้ล่วงลับไปแล้ว นอก
เหนือจากนี้ยังมีเทวรูปเทพารักษ์ทั้งสององค์อยู่ด้านหน้าพระพุทธรูปพระเจ้าล้านนา

ตุงรัตนตรัยล้านนาอยู่ด้านหน้าพระเจ้าล้านนาและแดงถึงความเคารพพระพุทธเจ้า
พระธรรมและพระสงฆ์ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงาม ชาวล้านนาเชื่อว่าถ้านำตุง
ไปแขวนจิตที่เป็นบุญกุศลจะพ้นไปจากความทุกข์ ตุงจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่
ของถวายที่เป็นการแสดงความนับถือเท่านั้นแต่ยังเป็นการสงวนรักษาธรรม
เนียมและประเพณีล้านนาไว้ให้กับชนรุ่นหลัง ด้านหน้าข่วงพระเจ้าล้านนายังมี
รูปปั้นพญานาคเป็นผู้ปกปักรักษาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์

3. พุทธมหาเจดีย์ที่ข่วงพระเจ้าล้านนาและพระพุทธบาทสี่รอย

Buddha-Maha-2-cr

เจดีย์แบบล้านนามีความกว้าง 10เมตร ยาว 10เมตรและ และสูง 29.99 เมตร
ก่อสร้างด้วยอิฐและมีลายปูนปั้นปิดทอง มีซุ้มโค้งปูนปั้นอยู่สี่ด้านมีพระพุทธรูปรวม
20 องค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนเจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์ บนยอดเจดีย์มีพระ
บรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากสมเด็จพระพุทธาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว)จากวัดสระเกตุ
พิธีประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจัดขึ้นในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553 ภาย
ในเจดีย์มีแบบจำลองรอยพระพุทธบาท 4 รอยที่จำลองมาจากวัดพระพุทธบาท
สี่รอย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ กำแพงด้านในมีพระพุทธรูปประจำทั้งเจ็ด
วัน หน้าตัก 9 นิ้ว 99 องค์ พื้นบริเวณรอบเจดีย์มีเจดีย์ 12 องค์  ประจำราศีเกิด
ทั้ง 12 ราศี เจดีย์มีขนาดกว้าง 99 เซนติเมตร ยาว 99 เซนติเมตร สูง 1.30
เมตร เจดีย์แต่ละองค์เป็นแบบจำลองมาจากองค์จริง ชาวล้านนาเชื่อว่าการได้
บูชาเจดีย์ประจำราศีเกิด จะเสริมความเป็นศิริมงคลและให้โชคลาภ

4. ศาลาบาตร

Sala-Batra-cr

ศาลาถวายอาหารรูปแบบล้านนาสมัยใหม่สร้างมาจากอิฐและปูนปั้นปิดทอง
ตกแต่งด้วยแก้วหลากสี ในศาลาตั้งพระพุทธรูปรวม 9 องค์ประจำวันเกิดคือวัน
อาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพุธกลางคืน วันพฤหัสบดี วันพฤหัสบดี
กลางคืน วันศุกร์และวันเสาร์ พระพุทธรูปมีขนาดเท่าคนจริงและประทับนั่งใน
รูปแบบล้านนา มีฐานประดับตกแต่ง ตามธรรมเนียมแล้วศาลาถวายภัตตาหารจะ
ใช้เป็นสถานที่ให้คนมาใส่บาตรถวายพระ (ตอนหลังจะถูกส่งไปให้พระสงฆ์และผู้
ที่อาศัยอยู่วัด) เมื่อได้รับแรงบรรดาลใจจากประเพณีนี้ สถาปนิกได้ตั้งพระพุทธ
รูป 9 องค์ไว้ในศาลาเพื่อแสดงถึงรับการให้ทานในศาลาแห่งนี้ เมื่อใดก็ตามที่มี
การจัดกิจกรรมถวายภัตตาหาร ศาลาบาตรถูกจัดสร้างเพื่อรับรองกิจกรรมนี้

5. ศาลาธรรมและสระอโนดาต

Dhamma-Pavillion-cr

อยู่ทางทิศเหนือของข่วงพระเจ้าล้านนา ออกแบบเป็นหอนั่งสมาธิสำหรับผู้มา
แสวงบุญ อาคารรูปแบบล้านนาสมัยใหม่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระเจ้าทันใจ
หน้าตักกว้าง 59 นิ้ว พระพุทธรูปองค์นี้สร้างเสร็จภายในเวลาเพียงแค่เจ็ดวัน
ภายนอกอาคารมีสระน้ำขนาดใหญ่เรียกว่าสระอโนดาต ทางเข้าประดับตกแต่ง
ด้วยนาคคู่นำเข้าไปสู่ศาลาธรรม นาคคู่ทำหน้าที่เป็นผู้ปกปักรักษาพระพุทธ
ศาสนา ว่ายขึ้นมาจากน้ำเพื่อฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ภายในสระอโนดาตนี้
มีพระพุทธรูปยืนอยู่ในปาง "รำพึง" มีความสูง 169 เซนติเมตรลอยอยู่เหนือน้ำ
ตกขนาดใหญ่ที่สวยงาม

จากพุทธประวัติ พระพุทธรูปปางประทับยืนนี้แสดงถึงตอนที่พระพุทธเจ้าทราบ
ถึงลักษณะที่ต่างกันไปของบุคคลในโลก พระองค์เปรียบเทียบบุคคลกับบัวทั้ง 4
เหล่า ดอกบัวชนิดแรกคืออุคคฏิตัญญูที่โผล่ขึ้นเหนือน้ำ ได้รับแสงอาทิตย์
และพร้อมจะเบ่งบานเหมือนกับผู้ที่เข้าใจทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย ดอกบัวชนิด
ที่สองคือวิปจิตัญญูที่อยู่ปริ่มน้ำ จำเป็นต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งที่จะโผล่พ้นน้ำได้
รับแสงอาทิตย์แล้วจึงเบ่งบานต่อไป เปรียบเหมือนผู้ที่ยังไม่เข้าใจในครั้งแรกใน
สิ่งที่พยายามเรียนรู้แต่ก็พยายามจนเข้าใจ ดอกบัวชนิดที่สามคือเนยยะ ที่ยังอยู่
ในน้ำลึก ใช้เวลานานมากกว่าจะพ้นน้ำได้รับแสงอาทิตย์แล้วจึงเบ่งบานต่อไป
เปรียบกับคนที่ไม่เข้าใจแต่พยายามศึกษาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ย่อท้อ สุด
ท้ายจึงเข้าใจ ดอกบัวชนิดสุดท้ายคือปทปรมะ อยู่ในโคลนตมไม่สามารถเติบ
โตออกมาจากโคลนได้ เหมือนกับคนที่พยายามเรียนอย่างหนักแต่ก็ไม่มี
ความสามารถในการเข้าใจ พระพุทธเจ้าตกลงใจว่าจะสอนผู้ที่สามารถสอน
ได้จนกว่าพระองค์ได้จัดตั้งพระพุทธศาสนาเพื่อมนุษย์ทุกคน นี่เป็นเรื่องราวภูมิ
หลังของพระพุทธรูปยืนนี้

6. สังเวชนียสถาน

Buddhist-holy-sites-cr

อาคารเหล่านี้ก่อสร้างเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าในยามที่ท่านประสูติ ตรัสรู้
และปรินิพพาน พื้นด้านหน้าซุ้มประตูโค้งมีเสาทั้งแปดต้นแสดงถึงทางมรรค8
ประการคือ  1.สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ  2. สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ  3. สัมมาวาจา
วาจาชอบ 4. สัมมากันมันตะ การงานชอบ 5.สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ 6.
สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ 7.  สัมมาสติ ระลึกชอบและ 8. สัมมาสมาธิ ตั้ง
ใจมั่นชอบ

Enlightenment-Pavillion-cr

ทางไปสู่ศาลาประสูติแสดงเรื่องราวของเจ้าชายสิตธัตถะและพระมารดา เจ้า
ชายน้อยเดินบนดอกบัวทั้ง 7 ดอกใต้ต้นสาละต้นใหญ่ ทางไปสู่ศาลาตรัสรู้
มีพระพุทธรูปสำริดหน้าตักกว้าง 59 นิ้วในวิหารรูปแบบล้านนา ด้านหลังศาลามี
ต้นโพธ์ต้นใหญ่ล้อมรอบด้วยสระบัวและที่เคารพสักการะ จากนั้นทางไปสู่
ศาลานิพพานมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ความยาว 5 เมตร พระนอนบนฐานแก้ว
สูงหนึ่งเมตรในวิหารรูปแบบล้านนาไทย ภายนอกศาลามีต้นสาละปลูกคู่กัน 2
ต้นทำให้บริเวณดูเงียบสงบและสวยงาม มีสวนจำลองที่พระพุทธเจ้าแสดง
ธรรมเป็นครั้งแรก ป่านั้นเรียกว่าอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งปลูกต้นไม้มงคล 108
ต้น สังเวชนียสถานตั้งใจจะให้เป็นสถานที่เรียนรู้คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

7. เฮือนผญาปูจาพระเจ้าล้านนา(บ้านแห่งปัญญา)

House-of-Wisdom-cr

เฮือนผญาปูจาพระเจ้าล้านนา ความหมายตามตัวอักษรคือบ้านที่สร้างมาเพื่อ
แสดงความเคารพพระเจ้าล้านนา แสดงถึงถูมิปัญญาไทยล้านนาโบราณ
และประเพณี สถานที่ประกอบไปด้วยอาคารล้านนา ห้องผู้อำนวยการ ห้อง
ภูมิปัญญา ห้องแสดงนิทรรศการ โรงนาและพื้นที่จัดแสดงกิจกรรมสำกรับนัก
เรียนนักศึกษาและผู้ที่สนใจพิธีแบบล้านนา เทศกาลปีใหม่ งานปอยหลวง
ภาษาไทยเหนือ ธงล้านนาไทย เครื่องแต่งกาย อาหารพื้นเมือง ยาสมุนไพร
และอื่นๆ

ชาวไทยพุทธที่ได้รับการสอนสั่งจากบรรพบุรุษและครูบาอาจารย์ในสมัยโบราณ
มีภูมิปัญญาที่สมควรถ่ายทอดต่อไปให้คนรุ่นหลัง โอกาสนี้ขอเชิญผู้ที่มีภูมิปัญ
ญาล้ำค่ามาถ่ายทอดสืบต่อและบอกต่อผู้อื่นให้มาร่วมมือกันกับเรา ถ้าท่าน
มีเอกสาร หนังสือธรรมเนียมโบราณ ตำนาน ความเชื่อเรื่องปลูกบ้านเรือน อาหาร
 เสื้อผ้า ยาสมุนไพร ของโบราณ ของเก่าแก่ และถ้าท่านสามารถแบ่งปันความ
รู้ต่างๆคุณสามารถติดต่อมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศเพื่อแบ่งความรู้ให้กับ
ผู้อื่น เพื่อที่ความรู้จะได้ไม่สูญหายไปตามกาลเวลา

8. ไร่นาผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

Multi-cropping-farm-cr

อาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศเริ่มทำไร่นาสวนผสมตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ถัดออกไปจากข่วงพระเจ้าล้านนา พื้นที่มีประมาณ 4,800 ตารางเมตร (12 ไร่)
ประกอบไปด้วยนาข้าว แปลงผักสวนครัว อ่างเลี้ยงปลา ที่เลี้ยงสัตว์ ที่ปลูกผล
ไม้ท้องถิ่น ยาสมุนไพร ผักปลอดสารพิษ พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นศูนย์สำหรับการ
อนุรักษ์การปลูกข้าวแบบ ใข้วัวควายไถนา การเก็บเกี่ยวข้าวแบบโบราณ ทาง
ศูนย์ยังเปิดให้ชาวนา ชาวบ้าน เยาวชนและผู้ที่สนใจในการทำนาแบบดั้งเดิม

วิธีชีวิตล้านนาแบบนี้เคยมีการฝึกปฏิบัติในอดีตกาลเมื่อตอนที่ศาสนาพุทธ
และชุมชนล้านนายังใกล้ชิดกัน จะทำให้ผู้คนทราบถึงต้นกำเนิดที่มาจาก
บรรพบุรุษ

กรุณาลงความเห็น เกี่ยวกับบทความนี้

ส่ง
อีเมล์
หน้านี้

©2013 Janine Yasovant
©2013 Publication Scene4 Magazine

Scene4 Magazine: Janine Yasovant
จานีน ยโสวันต์ เป็นนักเขียน
เธออาศัยอยู่ในเชียงใหม่ประเทศไทย

สำหรับบทความและบทวิจารณ์อื่นๆ ของ จานีน ยโสวันต์
กรุณาตรวจดู แฟ้มเก็บข้อมูล

 

Scene4 Magazine - Arts and Media

®

May 2013

Cover | This Issue | inFocus | inView | reView | inSight | inPrint | Perspectives | Books | Blogs | Comments | Contacts&Links Masthead | Submissions | Advertising | Special Issues | Contact Us | Payments | Subscribe | Privacy | Terms | Archives

Search This Issue

 Share This Page

feed-icon16x16-o RSS Feed

Scene4 (ISSN 1932-3603), published monthly by Scene4 Magazine - International Magazine of Arts and Media. Copyright © 2000-2013 AVIAR-DKA LTD - AVIAR MEDIA LLC. All rights reserved.

Now in our 14th year of publication with
comprehensive archives of over 7500 pages 

HollywoodRed-1
greenlight-ad1
Character Flaws by Les Marcott at www.aviarpress.com
Gertrude Stein-In Words and Pictures - Renate Stendhal
Scene4 Magazine - Thai Airways | www.scene4.com