Nienke-met-Lucky-Thai-cr

จานีน ยโสวันต

เมื่อไม่นานมานี้ดิฉันได้สนทนากับเพื่อนชาวดัตช์ที่ชอบสัตว์เลี้ยงและเปิดศูนย์
ฝึกสอนสัตว์เลี้ยงที่บ้าน ศูนย์แห่งนั้นเรียกว่า "เนงเค่อ ลักกี้ด๊อกส์" ในช่วงนี้คุณ
เนงเค่ออาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ คุณเนงเค่อมีชื่อเต็มว่า เนงเค่อ พาร์ม่า ดิฉันรู้จัก
เธอมานานหลายปีแล้ว

คุณสามารถที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองก่อนที่คุณจะมาอยู่ที่เมืองไทยได้ไหมคะ
ดิฉันอยากทราบความตั้งใจของคุณในการดูแลสัตว์เลี้ยง

ตอนที่เรียนไฮสคูลปีแรกนั้นดิฉันมีอายุ 12 ปี เพื่อนร่วมชั้นเรียนถามดิฉันว่าอยากจะ
ไปทำงานที่ร้านรับดูแลสุนัขและแมวที่อยู่ห่างออกไปจากโรงเรียน 10 กิโลเมตร ที่
นั่นในบางครั้งเพื่อนของดิฉันทำงานในช่วงวันหยุด ดิฉันตอบตกลงว่าไปและนั่นก็
เป็นจุดเริ่มต้นในความชอบตลอดชีวิตของดิฉันในเรื่องการทำงานกับสุนัขและแมว

ในตอนเริ่มแรกนั้นดิฉันทำงานที่บ้านสัตว์เลี้ยงแห่งนี้นานๆครั้ง ต่อมาไม่นานก็ใช้
เวลาว่างทุกนาทีที่พอจะหาได้ ทั้งตอนวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดตอนปิดเทอม
ตอนดิฉันอายุ 14 ปีก็ได้ย้ายเข้าไปพักอาศัยอยู่ที่นั่นประมาณ 9 เดือน (คุณพ่อและ
คุณแม่คะ ดิฉันคงไม่ได้เป็นลูกที่ว่านอนสอนง่ายที่สุดดังที่พ่อแม่ได้จินตนาการ
เอาไว้แล้ว)

เจ้าของบ้านสัตว์เลี้ยงที่ดิฉันเรียกว่าแม่คนที่สองนี้เป็นคนที่เข้มแข็งมาก เธอไม่
ยอมรับคำตอบปฏิเสธและแน่นอนว่าเธอไม่ชอบการร้องคร่ำครวญและความเกียจ
คร้าน ถ้าดิฉันไม่ยอมทำการบ้านให้เสร็จก่อนก็จะไม่ยอมให้เข้าไปช่วยงานในห้อง
เสริมสวยสัตว์เลี้ยง ดิฉันชอบช่วยหวีขน อาบน้ำ และถอนขนสุนัข เจ้าของบ้านเป็น
หนึ่งในช่างแต่งขนสุนัขแบบโบราณมีเหลืออยู่ไม่มากแล้วซึ่งจะถอนขนสัตว์ในส่วน
ที่จำเป็นต้องถอนออก เช่นขนของสุนัขสายพันธ์เทอเรียซึ่งเจ้าของบ้านสัตว์เลี้ยง
จะไม่ยอมโกนหรือตัดออก การโกนขนจะทำให้โครงสร้างของขนเปลี่ยนไปทั้งยัง
ทำให้สัตว์เกิดอาการคันที่ผิวหนังได้ ดิฉันได้สืบทอดความรู้นี้มาจากเจ้าของบ้าน
และนำมาฝึกหัดจนถึงทุกวันนี้ หลายๆปีที่ผ่านมาดิฉันยังคงรู้สึกลำบากใจที่ตัดขน
สัตว์ส่วนที่จะต้องถอนออกหรือว่ามีการเล็มออกอย่างละเอียด แม่คนที่สองของฉัน
เป็นคนสูบบุหรี่จัด โชตไม่ดีที่ว่าดิฉันก็รับเอาการสูบบุหรี่มาด้วยมาเป็นเวลา 25 ปี
ในปีพ.ศ. 2523 บ้านสัตว์เลี้ยงเกิดเพลิงไหม้ทำให้ดิฉันต้องจบบทเรียนตอนนี้ไป
อย่างกะทันหัน ตอนนั้นดิฉันมีอายุ 16 ปี

เมื่อตอนที่ดิฉันมีอายุ 18 ปี ดิฉันสอบไม่ผ่านระดับไฮสคูลปีสุดท้าย แทนที่จะต้อง
ซ้ำชั้นเรียนอีกปีหนึ่งดิฉันได้ติดตามเพื่อนชายไปทางตะวันออก ใช้เวลาเดินทาง
เดินทางประมาณครึ่งปีผ่านประเทศอินเดีย ศรีลังกา และเนปาล พ่อแม่ของดิฉัน
รู้สึกเศร้ามากแต่ก็ไม่สามารถห้ามปรามดิฉันได้ การเดินทางนี้สร้างความประทับใจ
ให้กับดิฉันอย่างมากมาย สิ่งที่แตกต่างกันทั้งหมดนี้ เช่นการพูดภาษาอื่นจากที่เคย
พูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก มีประสบการณ์และเรียนรู้จากวัฒนธรรมอื่นๆ ดิฉันคิดว่า
ความสนใจในวัฒนธรรมต่างๆ นั้นมีรากฐานมาจากการท่องเที่ยวนี่เอง ในช่วง
ท่องเที่ยวดิฉันตัดสินใจเรียนให้จบระดับไฮสคูล เพราะดิฉันได้ตระหนักว่าพ่อและ
แม่พูดได้ถูกต้องแล้ว และพ่อแม่ของดิฉันดีใจกับการตัดสินใจของดิฉันมาก

เนื่องจากงานของดิฉันที่บ้านสัตว์เลี้ยง ความปรารถนาของดิฉันคือการทำอะไร
บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสุนัขและแมว อันที่จริงแล้วดิฉันอยากจะดำเนินกิจการ
สถานรับดูแลและฝึกฝนสุนัขและแมว แต่พ่อแม่ของดิฉันกลัวว่างานประเภทนี้ไม่
สามารถสร้างรายได้ให้กับดิฉันได้อย่างพอเพียง ทำให้ดิฉันประสบกับความลำบาก
และปัญหาทางการเงินอย่างต่อเนื่อง พ่อแม่ดิฉันอยากจะให้เรียนต่อก่อนที่จะ
ทำงานเต็มเวลา ด้วยวิธีนี้ทำให้เพิ่มโอกาสหางานที่สร้างรายได้ดีกว่าในอนาคต

แต่อย่างไรก็ตามหลายๆสิ่งที่ดิฉันรู้ในเวลานั้นคือดิฉันชอบทำงานเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
สนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ดิฉันไม่ชอบแนวคิด
ที่ว่าต้องยืนหน้าชั้นเรียนกับเด็กๆเหมือนกับดิฉันในเวลานั้น ในช่วงตอนที่เป็นวัยรุ่น
หรือว่าจะเป็นสัตวแพทย์ได้นั้นต้องเรียนรู้คำศัพท์ยากๆเช่นคำภาษาลาตินหรือ
ภาษากรีกโบราณ ยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปเป็นร่างในจิตใจของดิฉันตอนนั้นเลย

ท้ายสุดแล้ว ผู้ช่วยคณบดีแนะนำให้ไปเรียนที่วิทยาลัยการจัดการป่าไม้และแหล่ง
น้ำ (Forest and Water Management College) ที่ในปัจจุบันนี้เรียกว่า วิทยาลัย
การเกษตรกรรมนานาชาติลาเรนสไตน์(Larenstein International Agricultural
College
) ในตอนปลายภาคของปีการศึกษาแรกนักศึกษาจำเป็นที่จะต้องเลือกป่า
ไม้เขตตะวันตกหรือเขตร้อนชื้น หรือว่าจะเรียนการจัดการน้ำในเขตตะวันตกหรือ
เขตร้อนชื้น เนื่องจากว่าดิฉันมีความสนใจวัฒนธรรมอื่นๆด้วยก็เลยเลือกป่าไม้เขต
ร้อนชื้นซึ่งทำให้ดิฉันได้เดินทางไปที่ประเทศลาวเป็นเวลาครึ่งปีในตอนที่เรียนปี
สามและตอนฝึกงานและได้เดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์เพื่อทำวิทยานิพนธ์ ดิฉัน
อาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 8 เดือน

หลังจากที่จบการศึกษาดิฉันรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในหลุมที่ว่างเปล่า จากความคิด
หลักของดิฉันคือการหางานที่เหมาะสมในเขตร้อนชื้นหรืออยู่ต่ำกว่าเขตร้อนชื้น แต่
อย่างไรก็ตามหลายๆองค์กรต้องการประสบการณ์การทำงานพอสมควรซึ่งแน่นอน
ว่าคนที่พึ่งเรียนจบมาอย่างดิฉันคงไม่มี แต่โชคดีที่ว่ามีองค์กรหนึ่งในประเทศ
อังกฤษที่พิจารณาการทำงาน 1 ปีในประเทศแถบร้อนชื้น(ต่ำกว่าเขตร้อนชื้น) ซึ่ง
รวมทั้งเวลาที่ใช้ในช่วงการศึกษาก็เป็นประสบการณ์ทำงาน องค์การนี้เป็นการ
บริการอาสาสมัครจากนานาชาติหรือที่เรียกอย่างย่อว่า VSO (Volunteers Service
Overseas) โดยผ่านทางองค์กรนี้ดิฉันเลยได้มาทำงานที่สำนักงานบริการแหล่งน้ำ
ของกรมป่าไม้ จังหวัดเชียงใหม่

ดิฉันทราบว่าคุณเนงเค่อได้ไปยังหลายประเทศก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ กรุณาบอกเล่า
ถึงงานของคุณในประเทศไทยและศูนย์ฝึกสัตว์เลี้ยงที่คุณได้ก่อตั้งไว้แล้ว

แม้ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม แต่ดิฉันทราบว่ากรมป่าไม้เป็นหน่วยงานราชการ
ซึ่งดิฉันมีความสบายใจมากกับการทำงานกับชาวบ้าน ผู้คนในท้องถิ่นมีความรู้
มากมายซึ่งดิฉันยังไม่ทราบ ดังเช่นพืชกินได้พืชกินไม่ได้ที่มีคุณสมบัติทางยา
รักษาโรค

ในช่วงปีแรกที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ดิฉันพบกับผู้ชายคนหนึ่งและตกหลุมรักกัน
ไม่ใช่คนไทยแต่เป็นคนอิตาลีที่ไม่อยากไปอยู่ที่อิตาลี ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะ
ดิฉันไม่ว่าอะไรจริงๆถ้าจะย้ายไปอยู่อิตาลี

เป็นเขาเองที่มีความคิดว่าจะเปิดโรงเรียนสอนสุนัขในจังหวัดเชียงใหม่ ความชอบ
ในอดีตของดิฉันได้ตื่นขึ้นมาทันที หลังจากที่ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านสัตว์เลี้ยง
สัตวแพทย์ นักเพาะพันธ์สัตว์และไปร่วมงานการแสดงสุนัขมาหลายหน ก็เลย
ตัดสินใจว่าจะลองดูสักครั้ง

อย่างไรก็ตามการดูแลสิ่งมีชีวิตไม่ได้หมายความว่าให้อาหาร น้ำ ที่พักอาศัยและ
ความรักเท่านั้น สัตว์เหล่านี้ต้องการการดูแลทุกวันและความเข้าใจ ดิฉันไม่
ต้องการให้เกิดความผิดพลาดโดยไม่จำเป็นและไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นแก่สัตว์
ดังนั้นดิฉันจึงตัดสินใจเสริมความรู้โดยการเรียนเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพทั่วไป
พยาธิวิทยา สารอาหาร การพัฒนาและแก้ไขพฤติกรรมสุนัข ภาษาสุนัขและเทคนิค
การฝึกฝนสุนัข แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่มีการเรียนการสอนลักษณะนี้ในประเทศ
ไทยดังนั้นดิฉันจึงกลับไปยังประเทศฮอลแลนด์ซึ่งก็ได้ไปฝึกงานปฏิบัติที่คลินิก
สัตวแพทย์และบ้านพักสัตว์เลี้ยงในท้องถิ่น

Under-physical-cr

ดังเช่นคนทั่วไปจะทำ ดิฉันเริ่มฝึกฝนสุนัขตามวิธีการดั้งเดิม นั่นคือการเน้นถึง
พฤติกรรมของสัตว์ที่คุณไม่ต้องการให้มีและแก้ไขโดยการกระตุกสายรัดคอและ
บังคับให้สุนัขจัดท่าทางตามที่คุณต้องการ แม้ว่าจะพยายามทำอย่างนุ่มนวลที่
สุดแต่ดิฉันสังเกตได้ว่าสัตว์รู้สึกไม่เต็มใจและบางครั้งก็รู้สึกหวาดกลัว

ดิฉันจำไม่ได้ว่าเคยคิดหลักการส่งเสริมเชิงบวกและการฝึกฝนที่เหมาะสมกว่านี้ได้
อย่างไรแต่ในบางจุดดิฉันได้กระทำแล้วและดิฉันรู้สึกเชื่อว่านี่เป็นวิธีการที่นุ่มในการ
สอนสุนัขว่าจะให้ทำอะไร

ดิฉันยังฝึกเรื่องความเร็ว การดมกลิ่น และเล่ห์เหลี่ยม โดนดิฉันจะเน้นเรื่อง
พฤติกรรมและการเชื่อฟังเป็นหลักเนื่องจากว่าขาดแคลนความรู้เป็นอย่างมาก สัตว์
เลี้ยงหลายตัวเข้าสังคมได้ต่ำมากหรือเข้าสังคมไม่ได้เลยอีกทั้งยังเอาแต่ใจตัวเอง
มีปัญหาพฤติกรรมมากมายที่มีผลมาจากการไม่เชื่อฟังกฎระเบียบ เห่ามากเกินไป
หรือว่ามีปัญหาเรื่องความก้าวร้าว ดังนั้นชั้นเรียนฝึกสอนของดิฉันจะเน้นในเรื่องการ
ให้ความรู้กับเจ้าของมากกว่าที่จะสอนให้สุนัขเรียนคำสั่งพื้นฐาน

lesson-3-Nienke-&-class-cr

การขาดความรู้เรื่องการพัฒนาพฤติกรรมสุนัขและการสื่อสารกับสุนัขทำให้หลาย
คนโดยอย่างยิ่งเด็กถูกสุนัขกัด หลังจากที่ได้รับข่าวน่าตระหนกที่เด็กอายุ 3 ปีถูก
สุนัขในบ้านกัดจนเสียชีวิต ความคิดในเรื่องโปรแกรมการป้องกันสุนัขกัดก็เริ่มแตก
ยอดแผ่ขยายออกไป

แต่อย่างไรก็ตามก็ใช้เวลาอีก 5 ปีก่อนที่โปรแกรมที่เรียกว่า "Professor Paws
living safely with dogs" จะเสร็จสิ้นและหลังจากที่มีความร่วมมือจากครูอาจารย์
และมีการมองหานักประสานงานการศึกษาองค์กรช่วยเหลือสุนัข ถ้าไม่มีการ
ช่วยเหลือนี้บางทีโปรแกรมคงยังอยู่บนโต๊ะออกแบบ

เป้าหมายของโปรแกรมคือการให้ความรู้กับเด็กเพื่อที่พวกเด็กๆจะได้มีความ
สามารถเลือกในสิ่งที่รับทราบมาได้และเข้าใจพฤติกรรมของสุนัข เป็นการลด
จำนวนของรายงานเกี่ยวกับการที่สุนัขไปกัดเด็ก การใช้ในทางที่ผิด การไม่เอาใจ
ใส่สามารถทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อสัตว์และบุคคลที่อยู่ใกล้เคียง
บทเรียนจะบอกถึงเรื่องสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ วิธีการจับต้องสัตว์อย่างปลอดภัย
มีความเข้าใจพื้นฐานเรื่องภาษาของสัตว์ วิธีการดูแลความต้องการพื้นฐานของสัตว์
การเอาใจใส่ดูแลและคอยระวังการผสมพันธ์สัตว์ที่มีมากเกินไป มีการไปเที่ยว
ทัศนะศึกษาที่บ้านพักสัตว์หรือว่าไปที่สถานที่พักและฝึกฝนสัตว์ลักกี้ด๊อกส์

Wichai-Wittaya-fieldtrip-cr

ในหลายๆปีที่ดิฉันทำงานกับสุนัขก็ได้เขียนบทความเป็นภาษาอังกฤษลงใน
นิตยสารรายเดือนเป็นเวลา 2 ปีและหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอีก 2 ปี บทความหลาย
เรื่องอยู่ในนิตยสารสุนัขไทยรายเดือนและนิตยสารอื่นๆ น่ายินดีเสมอที่ได้เห็น
บทความลงในนิตยสารแต่กำหนดการเขียนส่งนั้นน่ากลัวมากเลย

เมื่อดิฉันได้สังเกตถึงความวิตกกังวลที่ใบหน้าของสุนัขในตอนที่ฝึกสุนัขตามวิธีการ
ฝึกแบบดั้งเดิม ยังได้เห็นถึงความเจ็บป่วยที่กลับมาอีกครั้งโดยเฉพาะโรคผิวหนัง
เนื่องจากว่าดิฉันไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจจากสัตวแพทย์ก็เลยเริ่มค้นคว้าเรื่อง
อาหารของสุนัขซึ่งทำให้ดิฉันต้องเปลี่ยนกลับไปใช้อาหารแบบปกติ โรคผิวหนัง
หลายอย่างหายไป ผิวหนังและขนดูดีขึ้น ฟันกลับมาขาวอีกครั้ง กลิ่นปากหายไป
สุนัขบางตัวผอมลงและมีการพัฒนากล้ามเนื้อ กลิ่นของมูลสุนัขลดลงจากเดิมซึ่งจะ
หมดไปภายในวันสองวัน ในระดับพฤติกรรมสุนัขที่ร่าเริงมากไปก็จะสงบลง สุนัขที่
ขี้เกียจก็เริ่มกระตือรือร้นมากขึ้น ในบางกรณีก็ทำตัวเหมือนเป็นลูกสุนัข

ปีพ.ศ. 2550 เป็นปีที่เลวร้ายมากเพราะสุนัขหลายตัวไม่สบายเพราะผลข้างเคียง
จากวัคซีน มีอยู่สองตัวที่เป็นมะเร็ง สิ่งนี้ทำให้ดิฉันต้องไปดูเรื่องของวัคซีน ดิฉัน
รู้สึกตกใจมากกับสิ่งที่ได้รับรู้มา ลูกสุนัขได้รับการฉีดวัคซีนในตอนที่อายุน้อย
เกินไป ฉีดวัคซีนหลายชนิดมากเกินไป และเว้นระยะเวลาสั้นมากเกินไปในแต่การ
ฉีดละครั้ง สิ่งเหล่านี้นำไปสู่ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นในทันที เช่นอาการซึมเศร้า ไม่
สบาย เบื่ออาหาร พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง อาการบวมที่จุดฉีดวัคซีน อุจจาระเหลว
เป็นต้น ผลระยะยาวคืออาการภูมิคุ้มกันอัตโนมัติ โรคเรื้อนในสุนัข ภาวะขาด
ไทรอยด์ โรคกระดูก โรคมะเร็ง สิ่งเหล่านี้ทำให้ดิฉันรู้สึกโมโหมากเมื่อได้รับรู้ ถ้า
สัตวแพทย์จะปรับเปลี่ยนลำดับการให้วัคซีนสักเล็กน้อยก็คงจะป้องกันผลข้างเคียง
เหล่านี้ได้

ทุกวันนี้ความสนใจหลักของดิฉันอยู่ที่การให้การศึกษากับประชาชน สอนวิธีการ
ดูแลสัตว์เลี้ยงให้เหมาะสม รวมทั้งความรู้ในเรื่องการพัฒนาพฤติกรรมของสุนัข
ภาษาสุนัข การฝึกฝนสุนัข และวิธีการทำให้สุนัขมีสุขภาพดีที่สุดโดยการให้อาหาร
ที่เหมาะสมกับสายพันธ์ ฉีดวัคซีนให้น้อยที่สุด ให้การออกกำลังกายที่พอเพียงต่อ
ร่างกายและจิตใจของสุนัข และให้คำแนะนำวิธีการที่ชัดเจน เมื่อทำเช่นนี้ดิฉันหวัง
ว่าจะเพิ่มความมีสุขภาพดีให้กับสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขได้

กรุณาลงความเห็น เกี่ยวกับบทความนี้

ส่ง
อีเมล์
หน้านี้

©2011 Janine Yasovant
©2011 Publication Scene4 Magazine

Scene4 Magazine: Janine Yasovant
จานีน ยโสวันต์ เป็นนักเขียน
เธออาศัยอยู่ในเชียงใหม่ประเทศไทย

สำหรับบทความและบทวิจารณ์อื่นๆ ของ จานีน ยโสวันต์
กรุณาตรวจดู แฟ้มเก็บข้อมูล

 

อินไซท์

June 2011

กรุณาลงความเห็น เกี่ยวกับบทความนี้

ส่ง
อีเมล์
หน้านี้

Scene4 Magazine - Arts and Media

June 2011

Cover | This Issue | inFocus | inView | reView | inSight | Blogs | inPrint | Books | Links | Masthead Submissions | Advertising | Special Issues | Payments | Subscribe | Privacy | Terms | Contact | Archives

Search This Issue Share This Page

RSS FeedRSS Feed

Scene4 (ISSN 1932-3603), published monthly by Scene4 Magazine - International Magazine of Arts and Media. Copyright © 2000-2011 AVIAR-DKA LTD - AVIAR MEDIA LLC. All rights reserved.

Now in our 12th year of publication with
comprehensive archives of over 6500 pages 

sciam-subs-221tf71
taos
Gertrude Stein-In Words and Pictures - Renate Stendhal